สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 19-25 กรกฎาคม 2562

 

ข้าว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ
(2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์
การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,532 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,456 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.49
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,718 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,688 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 33,650 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 33,450 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.60
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,250 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,139 ดอลลาร์สหรัฐฯ (34,857 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,700 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 408 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,486 บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 418 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,792 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.6034
 
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2562/63 ณ เดือนกรกฎาคม 2562
ว่าจะมีผลผลิต 497.817 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก 498.651 ล้านตันข้าวสาร หรือลดลงร้อยละ 0.17 จากปี 2561/62
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลก ปี 2562/63 ณ
เดือนกรกฎาคม 2562 มีปริมาณผลผลิต 497.817 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2561/62 ร้อยละ 0.17 การใช้ในประเทศ 496.076 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก ปี 2561/62 ร้อยละ 1.23 การส่งออก/นำเข้า 47.195 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 ร้อยละ 0.94 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 172.649 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2561/62 ร้อยละ 1.02
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน กายานา ไทย และะสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่
คาดว่าจะส่งออกลดลง
ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล เมียนมาร์ ปากีสถาน และปารากวัย 
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ แองโกลา เบนิน บราซิล เบอร์กินา คาเมรูน กินี อิรัก เคนย่า
โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง
ได้แก่ อียิปต์ อิหร่าน เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และแอฟริกาใต้
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ และไทย ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมี
สต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
โรงสีผนึกรัฐวางแนวทางตรวจสอบ “ข้าว กข79” สกัดปัญหาปลอมปนข้าวหอมมะลิ หวั่นพันธุ์ข้าวเปลือกออกจากแปลงทดลองแพร่ “บิ๊กส่งออก” ประเดิมซื้อลอตแรกร่วมหมื่นตัน ปักธงตลาดจีน ดันราคาเฉียด 500 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ภายหลังจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้การรับรองสายพันธุ์ข้าวเจ้าสายพันธุ์ใหม่ คือ ข้าว กข79 ซึ่งเป็นข้าวขาวพื้นนิ่มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาตามคำเรียกร้องของ
ผู้ส่งออกเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ เป็นสินค้าไฟติ้งโปรดักต์ของไทย เพื่อสู้กับข้าวขาวพื้นนิ่มของประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามที่ได้พัฒนาข้าวขาวพื้นนิ่มนับ 10 สายพันธุ์ เช่น หอมพวงเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทย จนได้รับความนิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้ผู้ส่งออกหลายรายกังวลว่าอนาคตข้าวขาวพื้นนิ่มเวียดนามอาจมาแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยไป เพราะราคาข้าวหอมมะลิสูงกว่า ขณะที่ราคาข้าวขาวถูกกว่า แต่เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง เช่น เสาไห้เจ๊กเชย ซึ่งคุณภาพความนุ่มน้อยกว่าข้าวขาวพื้นนิ่ม
ทั้งนี้ ปัจจุบันเกษตรกรได้ร่วมโครงการในระยะทดลองปลูกและทำการตลาดข้าว กข.79 ประมาณ 9,000 ไร่
ในพื้นที่ 7 จังหวัด เช่น พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดว่าผลผลิตที่ได้ประมาณ 5,000 ตัน ที่จะส่งออกสู่ตลาด โดยขณะนี้มีผู้จองซื้อหมดแล้ว เพื่อนำไปส่งออกที่ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ในเดือนตุลาคมนี้ ราคาตันละ 8,000-8,500 บาท
แหล่งข่าวจากวงการโรงสีกล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการโรงสีเกิดความกังวลว่า ลักษณะทางกายภาพข้าวเปลือก กข79 อาจจะไปปลอมปนกับข้าวหอมมะลิ 105 ที่มีราคาสูงกว่า จึงได้ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ออกมาตรการป้องกัน เบื้องต้นกรมการข้าวและกระทรวงพาณิชย์วางแผนจำกัดพื้นที่เพาะปลูกบางพื้นที่เท่านั้น โดยใช้ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งชาวนากับผู้ซื้อเพื่อป้องกันการปลอมปน พร้อมกับได้หารือถึงกระบวนการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์แยกประเภทข้าว ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การตรวจสอบอมิโรสในพันธุกรรมข้าว (ตรวจดีเอ็นเอ) วิธีนี้จะใช้ระยะเวลานานและมีต้นทุนการตรวจสอบสูง ล่าสุดทางโรงสีแจ้งกลับถึงวิธีการตรวจสอบข้าวทั่วไป แต่ต้องปรับลดระยะเวลาการต้มให้สั้นลง เช่น จากเดิมเคยต้ม 16-17 นาที แล้วมากดกระจกก็ให้ลดลงเหลือ 14-15 นาที แล้วนำมากดกับกระจก เปรียบเทียบผลการตรวจสอบด้วยวิธีการดังกล่าว พบว่า ข้าว กข79 มีลักษณะที่มีไตสีขาวขุ่นในเมล็ดข้าว แต่หากเป็นข้าวหอมมะลิ 105 จะไม่มีไตสีขาว
“โรงสีมีความกังวลเพราะความนิยมข้าวดังกล่าวเริ่มจะแพร่หลายออกไปเกษตรกรมองว่าจะมีความคุ้มค่ามากกว่า เช่น หากเทียบการลงทุนปลูกข้าวนาปีไร่ละ 3,500 บาทเท่ากัน ผลผลิตต่อไร่ของข้าวหอมมะลิได้ 350-400 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่ข้าวขาว กข79 ได้ 1-1.2 ตันต่อไร่ มากกว่ากันเกือบ 3 เท่า แม้ว่าจะขายได้ราคาถูก เช่น กข79
ได้ตันละ 9,000 บาท หอมมะลิได้ตันละ 10,000 บาท แต่เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ปลูก กข79 ลงทุน 3,500 บาท ได้ผลผลิต 1 ตัน ราคา 9,000 บาท แต่ข้าวหอมมะลิลงทุน 3,500 บาท ได้ผลผลิต 400 กิโลกรัม หรือประมาณ 4,000 บาทต่อไร่เท่านั้น” ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้มีกระแสข่าวว่า ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์บางรายได้เริ่มพัฒนาพันธุ์ข้าว กข79 ไว้ เพื่อทำตลาดให้เกษตรกรสำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าการแพร่กระจายออกไปมากน้อยเพียงใด แม้ว่าในปีแรกกรมการข้าวจะจำกัดพื้นที่ปลูก แต่คาดว่า ปี 2562/63 จะมีพื้นที่ปลูกมากขึ้นจาก 9,000 ไร่ เป็น 400,000 ไร่ จึงต้องมีการวางระบบการตรวจสอบเพื่อรองรับอีกชั้นหนึ่ง
รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยหลายราย และผู้ประกอบการโรงสีหลายรายเตรียมนำร่องรับซื้อผลผลิตข้าวขาวพื้นนิ่ม กข79 ลอตแรกแล้ว
นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมโครงการนำร่องทดลองซื้อเพื่อทำการตลาดข้าวขาว กข79 ซึ่งลอตแรกคาดว่าจะออกในเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีพื้นที่ปลูกประมาณ 4,000-5,000 ไร่ คาดว่าจะมีผลผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 1.2 ตัน รวมประมาณ 5,000-6,000 ตัน โดยเงื่อนไขการรับซื้อครั้งนี้จะนำราคาตลาดตันละ 500 บาท ซึ่งเมื่อนำไปสีแปรและส่งออกเป็นข้าวสาร
จะอยู่ที่ประมาณตันละ 400-500 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบได้กับข้าวขาวพื้นนิ่มของเวียดนาม จะทดลองทำตลาดส่งออกไปยังประเทศจีนก่อน หากประสบความสำเร็จก็จะมีการปลูกลอตต่อไป
นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดส่งออกมีความต้องการข้าวขาว กข79 จึงได้ทดลองทำตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปี ประมาณ 2,000 ตัน โดยซื้อจากโรงสีสุพรรณบุรี ในราคาใกล้เคียงกับข้าวขาว และเริ่มส่งออกไปยังตลาดจีนในตลาดตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาข้าวขาวพื้นนิ่มของเวียดนาม เท่าที่ทราบในช่วง 4-5 เดือนแรก การส่งออกข้าวขาวพื้นนิ่มชนิดนี้ยังมีปริมาณหลักพันตัน แต่คาดว่าทั้งปีนี้จะสามารถส่งออกได้เป็นหลักหมื่นตัน
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การผลิตและ
การส่งออกข้าวขาว กข79 ตามโครงการที่ร่วมกันช่วงเริ่มต้นในปีแรก คาดว่าจะมีปริมาณหลักพันตัน ซึ่งคาดว่าโรงสี
จะเข้ามาแย่งซื้อเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศก่อน คงไม่มีเหลือเพียงพอสำหรับส่งออก แต่รอบถัดไปที่จะออกในเดือนธันวาคมน่าจะมีปริมาณมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีบางรายที่ได้ทำสัญญาคอนแทรคฟาร์มมิ่งไว้กับเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งในส่วนของบริษัท อุทัยโปรดิวส์ ก็มีทำสัญญาไว้กับทาง จ.สุพรรณบุรี ประมาณ 3,000 ไร่ คาดว่าจะนำส่งออกตลาดจีนได้ราคาเทียบกับข้าวขาวตันละ 400-500 ดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
 
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวขาว 5% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นตันละ 10-15 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคาตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐ สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ตันละ 335-340 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากผู้ส่งออกต่างเร่งซื้อข้าวเพื่อส่งมอบให้กับผู้ซื้อจากฟิลิปปินส์และแอฟริกา ประกอบกับการเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูการผลิตฤดูร้อน (the summer-autumn) ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้อุปทานข้าวในตลาดมีจำกัด โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวแล้วประมาณ 3.36 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
กัมพูชา
          กัมพูชามีแผนขยายตลาดส่งออกข้าวไปยังแอฟริกา เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวและหาตลาดใหม่ๆ ทดแทนการส่งออกข้าวไปตลาดยุโรป ซึ่งจากการหารือระหว่างผู้แทนสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) และนาย George Kim J H ประธานบริษัท JS Global Corporation บริษัทผู้ผลิตและส่งออกข้าวจากประเทศเกาหลีใต้และคณะ ผู้แทนจากบริษัทส่งออกข้าวขนาดเล็ก-กลางของรัฐบาลเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น นาย Kim ประธานบริษัทฯ เปิดเผยว่า มีความสนใจในการเข้ามาลงทุนเปิดดำเนินการบริษัทส่งออกข้าวในกัมพูชาเพื่อส่งออกไปยังตลาดแอฟริกา โดยข้าวที่บริษัทฯ มีความสนใจที่จะซื้อและส่งออกเป็นข้าวขาวเท่านั้น
          นาย Kim ระบุเพิ่มเติมว่า ข้าวที่จะส่งออกไปตลาดแอฟริกานั้น ไม่เน้นข้าวคุณภาพดีที่มีราคาแพง ส่วนใหญ่ผู้บริโภคในตลาดแอฟริกาจะนิยมบริโภคข้าวขาวที่เกรดไม่สูงมากนัก ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังมีฐานะความเป็นอยู่และรายได้ที่ไม่สูง ข้าวประเภทข้าวขาวจึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดแอฟริกามากที่สุด
          อย่างไรก็ตาม การส่งออกข้าวไปตลาดแอฟริกายังมีข้อจำกัดอีกมาก โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนและราคา ซึ่ง กัมพูชาจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือโควตานำเข้าเป็นกรณีพิเศษเหมือนการส่งออกข้าวไปตลาดยุโรปและจีน ส่งผลให้ไม่สามารถแข่งขันในด้านราคากับประเทศส่งออกข้าวอื่น เช่น ไทย และเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวหลักในตลาด แอฟริกาในปัจจุบันได้
          ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา กัมพูชาส่งออกข้าวรวมทั้งหมดปริมาณ 281,538 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกกว่าร้อยละ 42 ส่งไปประเทศจีน ตามด้วยตลาดยุโรปร้อยละ 33 และคาดว่า จะสามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้มากขึ้น หากสามารถขยายตลาดไปสู่แอฟริกาได้
          ทั้งนี้ แม้ว่ากัมพูชาจะมีการพัฒนาคุณภาพข้าวอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเป็นที่ยอมรับในตลาดข้าวโลกมากยิ่งขึ้น
แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านศักยภาพและกำลังการผลิตภายในประเทศที่ยังมีไม่เพียงพอ ยังคงขาดแคลนโรงอบข้าว
โรงสีข้าว รวมทั้งเทคโนโลยีทางการผลิตที่ทันสมัย และบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เป็น
ข้อจำกัดที่สำคัญในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศของกัมพูชา นอกจากนี้ การส่งออกไปตลาดใหม่ๆ ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือโควตานำเข้าเป็นกรณีพิเศษเหมือนการส่งออกข้าวไปตลาดยุโรปและจีน ส่งผลให้ต้นทุนและราคาข้าวกัมพูชาสูง และไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในตลาดโลกได้
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย




กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
 
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ 
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.62 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.95 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.15 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.17 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.44 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.19
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.83 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.08 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.75 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.90 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.16 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.19
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 294.00 ดอลลาร์สหรัฐ (8,997 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 307.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,391 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.23 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 394 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2562/63 ว่ามี 1,134.97 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,133.24 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 0.15 โดยจีน บราซิล เม็กซิโก อียิปต์ ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา เวียดนาม อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ อิหร่าน ไนจีเรีย และเกาหลีใต้ มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 171.24 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 168.14 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 1.84 โดยสหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา รัสเซีย และเม็กซิโก ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น เม็กซิโก ญี่ปุ่น อิหร่าน เกาหลีใต้ เวียดนาม อียิปต์ จีน โคลอมเบีย ซาอุดิอาระเบีย แอลจีเรีย มาเลเซีย โมร็อกโก ตุรกี ชิลี อิสราเอล บังกลาเทศ กัวเตมาลา เคนยา และสหรัฐอเมริกา มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น (ตารางแนบท้าย)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 424.12 เซนต์ (5,183 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 438.16 เซนต์ (5,352 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.20 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 169 บาท



 


มันสำปะหลัง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 31.43 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.62 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.33 ล้านไร่ ผลผลิต 29.37 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.53 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.44 ร้อยละ 7.01 และร้อยละ 2.55 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2562
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.40 ล้านตัน (ร้อยละ 1.27 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 21.06 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ทั้งนี้ราคาหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งค่อนข้างต่ำ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.66 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.65 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.61
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.73 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 4.99 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 5.21
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.03 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 12.95 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.62
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,284 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,281 บาทต่อตัน)     
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 445 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,619 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 443 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,552 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.45      


 


ปาล์มน้ำมัน
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2562 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.198 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.216 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.287ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.232ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ6.92 และร้อยละ 6.90 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.34 บาทลดลงจาก กก.ละ 2.96บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 20.95
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกก.ละ15.68บาทลดลงจาก กก.ละ 17.29บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 9.31
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 2 เดือน
ราคาน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าตลาดมาเลเซียส่งมอบในเดือนตุลาคม 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,058 ริงกิตต่อตัน (500.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เนื่องจากราคาถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบ 2 เดือน สำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียในช่วง 25 วันแรกของเดือนกรกฎาคม 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มดิบคือสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นส่งผลให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ1,955.89ดอลลาร์มาเลเซีย (14.89บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,922.79 ดอลลาร์มาเลเซีย (14.64บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.72
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ500.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ(15.54บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 482.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.84
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
 


อ้อยและน้ำตาล


 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา               
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ผู้นำเข้าถั่วเหลืองของจีนไม่ตอบสนองต่อการสนับสนุนด้านภาษีถั่วเหลืองจากอเมริกาของรัฐบาลจีน
ประธานาธิบดีจากสหรัฐอเมริกาตกลงที่จะไม่กำหนดภาษีนำเข้าในสินค้าจากจีน ถ้าจีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกามากขึ้นในการประชุมระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในเดือน มิถุนายน และรัฐบาลจีนเสนอการยกเว้นภาษีนำเข้าจากอเมริกาให้ 5 โรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง แต่การนำเข้าถั่วเหลืองจากอเมริกายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากผู้นำเข้าไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ด้านการค้าในระยะยาวกับอเมริกา และราคาถั่วเหลืองจากอเมริกามีราคาสูงกว่าถั่วเหลืองจากบราซิล
ราคาในตลาดต่างประเท(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 889.72 เซนต์ (10.15 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 893.28 เซนต์ (10.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.40
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 307.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.54 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 309.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.61 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.84
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.08 เซนต์ (19.21 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 27.98 เซนต์ (19.13 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.36


 

 
ยางพารา

 

 
สับปะรด



 

 
ถั่วเขียว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.59 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 19.41 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.22
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 980.33 ดอลลาร์สหรัฐ (30.00 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.12 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 870.60 ดอลลาร์สหรัฐ (26.64 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 881.67 ดอลลาร์สหรัฐ (26.98 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.26 และลดลงรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.34 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 881.67 ดอลลาร์สหรัฐ (26.98 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 11.06 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.99 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 584.80 ดอลลาร์สหรัฐ (17.90 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 585.67 ดอลลาร์สหรัฐ (17.92 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,038.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.78 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,040.50 ดอลลาร์สหรัฐ (31.84 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท


 

 
ถั่วลิสง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.67 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 27.19
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 50.00
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

 

 
ฝ้าย
 
          1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
          ราคาที่เกษตรกรขายได้
          ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
          ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
          ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 63.21 (กิโลกรัมละ 43.25 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 62.21 (กิโลกรัมละ 42.57 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.61 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.68 บาท

 
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,677 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,631 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.82
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,347 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,301 บาท  ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.54
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 822 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 836 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา  ร้อยละ 1.67

 
 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ  
สัปดาห์นื้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตสุกรในท้องตลาดยังคงมีมากและใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  70.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 71.37 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.77 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 71.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 68.83 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 71.17 บาท  และภาคใต้ กิโลกรัมละ 72.32 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 66 บาท) ลดลงจากตัวละ 2,000 บาท (บวกลบ 68  บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.00
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 69.00 บาท  ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.13

 
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงและสอดรับกับความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่มีไม่มากนัก  แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว  
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.91 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 36.86บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.14 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท  ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.82 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.23 บาท  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา   
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ  36.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.00 บาท ทรงตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา

 
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ   
ในสัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา  เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดไม่มากนัก ผลจากมาตรการที่ผ่านมาโดยขอความร่วมมือทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการและเกษตรกร ผู้เลี้ยงไข่ไก่ในการปรับสมดุลปริมาณไข่ไก่ให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้   ทรงตัวอยู่ในระดับสูง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 286 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 285 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.35 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 285 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 284 บาท  และภาคใต้ไม่มีรายงาน  ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00  บาท สูงขึ้นจากตัวละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 12.00
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ  331  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 321 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.12

 

ไข่เป็ด

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ  328 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 326 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.61  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 338 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 338 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 302 บาท และภาคใต้ ร้อยละ 369  บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 350 บาท  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

 
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.83 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.01 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.36 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 89.08 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.73 บาท

 
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.98 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 68.58 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.87  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.70 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.80 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา

 
 


 
ประมง

1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 19 – 25 กรกฏาคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 48.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.71 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.26 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.45 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.34 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 145.99 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.65 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 141.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 139.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.62 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 81.51 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.11 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 148.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 141.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.07 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา